ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ
ความหมาย คือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 แบบปกติ แต่มีความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาประกันภัยเบ็ดเตล็ด แยกต่างหากออกจากสัญญาหลักที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายทรัพย์สินและชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองในความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันภัยในวงเงินจำนวนหนึ่ง
โดยมีเงื่อนไขความรับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพย์สิน(รถยนต์คันทำประกันภัย)เมื่อ*****
1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก2. ในกรณีผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง
ดังนั้น จากเงื่อนไขดังกล่าว ดูเหมือนว่าประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ นั้น จะมีความคุ้มครองเหมือนกับการประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
แต่หากวิเคราะห์จริงๆ แล้ว มีความเหมือนที่แตกต่างในสาระสำคัญดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 พิเศษ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคลภายนอกเหมือนกับประเภท 3 ธรรมดา แต่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำกัดแต่มีวงเงินน้อยกว่าประเภท 1 คืออยู่ระหว่าง 100,000 - 150,000 บาท แต่มีเงื่อนไข(ตัวอักษรเล็กๆ)ว่า "รับผิดชอบต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก" เท่านั้น ดังนั้นหากรถยนต์คันเอาประกันภัยประเภท 3 พิเศษไปชนกำแพง ชนรั้ว ชนสุนัข ชนเสา ชนประตู ชนคน ฯลฯ ที่มิใช่ยานพาหนะทางบก รวมถึงกระจกหน้าถูกก้อนหินแตกร้าว จะไม่ได้รับความคุ้มครองตัวรถทั้งสิ้น ทั้งนี้การคว่ำ การสูญหาย การถูกไฟไหม้ ล้วนเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
2. นอกจากนี้ ในการชนยานพาหนะทางบกนั้น ผู้เอาประกัน(หมายความรวมถึงผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยให้ใช้รถด้วยด้วย)เป็นฝ่ายผิดแล้ว ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง ด้วย ซึ่งหมายความว่าเบี้ยประกันภัยที่แท้จริงมิใช่ราคาที่เรียกเก็บ แต่เป็นราคาที่เรียกเก็บหักเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกจำนวน 2000 บาทไว้แล้ว ดังนั้นเบี้ยประกันที่แท้จริงจึงอยู่ที่ประมาณ 6,800 + 2,000 บาท รวมเป็น 8,800 บาท ใกล้เคียงกับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ที่บางคันมีเบี้ยประกันภัย 12,000 - 15,000 บาท แล้วมี ค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ก็จะคงเหลือ 10,000 - 13,000 บาท แต่ได้รับความคุ้มครองสูงกว่า
สรุป....การประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เหมาะสำหรับ
1. ผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินจำนวนน้อยเพื่อการประกันภัยรถยนต์ แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากเดิม ใช้รถน้อย และมีความเสี่ยงในการเกิดการชนกับยานพาหนะทางบกเช่นรถยนต์หรือจักรยานยนต์ และไม่น่าจะสูญหายหรือไฟไหม้
2. รถยนต์ที่มีอายุเกิน 10 ปี และบริษัทประกันภัยมักไม่รับประกันภัยให้ แต่ต้องการความคุ้มครองเพื่อการเยียวยาความเสียหายอันอาจมีขึ้น
ความเห็นส่วนตัว เบี้ยประกันภัยดังกล่าวยังแพงเกินไปสำหรับความคุ้มครองที่มีเงื่อนไขการชนเฉพาะยานพาหนะทางบก และมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเป็นฝ่ายผิด
หมายเหตุ
1. บริษัทประกันภัยบางแห่งมีเงื่อนไขไม่เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท แต่เก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมบางส่วน เช่นเพิ่มเติมจาก 6,800 บาท เป็น 7,800 บาท เป็นต้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าจะเกิดเหตุการชนที่ตนเป็นฝ่ายผิดบ่อยๆ
2. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เป็นเหมือนประกันภัยประเภท 3 ทุกประการ แต่มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมในความเสียหายตัวรถ อันเป็นการประกันภัยเบ็ดเตล็ดชนิดหนึ่ง และยังไม่ถือว่าเป็นแบบประกันภัยมาตรฐาน
3. เร็วๆ นี้ จะมีการประกาศใช้แบบประกันภัยรถยนต์มาตรฐาน ประเภทที่ 5(เดิมมี 4 ประเภท)โดยกรมการประกันภัย ซึ่งแบบกรมธรรม์มาตรฐานดังกล่าว สามารถใช้กับประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ และ ประเภท 2 พิเศษ(มีความคุ้มครองรวมถึงการสูญหาย+ไฟไหม้ ของรถยนต์คันเอาประกันภัย แต่ภายในวงเงินจำกัดเช่นกัน) ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้สามารถเลือกได้ตรงความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล
ความหมาย คือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 แบบปกติ แต่มีความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาประกันภัยเบ็ดเตล็ด แยกต่างหากออกจากสัญญาหลักที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายทรัพย์สินและชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองในความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันภัยในวงเงินจำนวนหนึ่ง
โดยมีเงื่อนไขความรับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพย์สิน(รถยนต์คันทำประกันภัย)เมื่อ*****
1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก2. ในกรณีผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง
ดังนั้น จากเงื่อนไขดังกล่าว ดูเหมือนว่าประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ นั้น จะมีความคุ้มครองเหมือนกับการประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
แต่หากวิเคราะห์จริงๆ แล้ว มีความเหมือนที่แตกต่างในสาระสำคัญดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 พิเศษ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคลภายนอกเหมือนกับประเภท 3 ธรรมดา แต่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำกัดแต่มีวงเงินน้อยกว่าประเภท 1 คืออยู่ระหว่าง 100,000 - 150,000 บาท แต่มีเงื่อนไข(ตัวอักษรเล็กๆ)ว่า "รับผิดชอบต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก" เท่านั้น ดังนั้นหากรถยนต์คันเอาประกันภัยประเภท 3 พิเศษไปชนกำแพง ชนรั้ว ชนสุนัข ชนเสา ชนประตู ชนคน ฯลฯ ที่มิใช่ยานพาหนะทางบก รวมถึงกระจกหน้าถูกก้อนหินแตกร้าว จะไม่ได้รับความคุ้มครองตัวรถทั้งสิ้น ทั้งนี้การคว่ำ การสูญหาย การถูกไฟไหม้ ล้วนเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
2. นอกจากนี้ ในการชนยานพาหนะทางบกนั้น ผู้เอาประกัน(หมายความรวมถึงผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยให้ใช้รถด้วยด้วย)เป็นฝ่ายผิดแล้ว ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง ด้วย ซึ่งหมายความว่าเบี้ยประกันภัยที่แท้จริงมิใช่ราคาที่เรียกเก็บ แต่เป็นราคาที่เรียกเก็บหักเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกจำนวน 2000 บาทไว้แล้ว ดังนั้นเบี้ยประกันที่แท้จริงจึงอยู่ที่ประมาณ 6,800 + 2,000 บาท รวมเป็น 8,800 บาท ใกล้เคียงกับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ที่บางคันมีเบี้ยประกันภัย 12,000 - 15,000 บาท แล้วมี ค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ก็จะคงเหลือ 10,000 - 13,000 บาท แต่ได้รับความคุ้มครองสูงกว่า
สรุป....การประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เหมาะสำหรับ
1. ผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินจำนวนน้อยเพื่อการประกันภัยรถยนต์ แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากเดิม ใช้รถน้อย และมีความเสี่ยงในการเกิดการชนกับยานพาหนะทางบกเช่นรถยนต์หรือจักรยานยนต์ และไม่น่าจะสูญหายหรือไฟไหม้
2. รถยนต์ที่มีอายุเกิน 10 ปี และบริษัทประกันภัยมักไม่รับประกันภัยให้ แต่ต้องการความคุ้มครองเพื่อการเยียวยาความเสียหายอันอาจมีขึ้น
ความเห็นส่วนตัว เบี้ยประกันภัยดังกล่าวยังแพงเกินไปสำหรับความคุ้มครองที่มีเงื่อนไขการชนเฉพาะยานพาหนะทางบก และมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเป็นฝ่ายผิด
หมายเหตุ
1. บริษัทประกันภัยบางแห่งมีเงื่อนไขไม่เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท แต่เก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมบางส่วน เช่นเพิ่มเติมจาก 6,800 บาท เป็น 7,800 บาท เป็นต้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าจะเกิดเหตุการชนที่ตนเป็นฝ่ายผิดบ่อยๆ
2. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เป็นเหมือนประกันภัยประเภท 3 ทุกประการ แต่มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมในความเสียหายตัวรถ อันเป็นการประกันภัยเบ็ดเตล็ดชนิดหนึ่ง และยังไม่ถือว่าเป็นแบบประกันภัยมาตรฐาน
3. เร็วๆ นี้ จะมีการประกาศใช้แบบประกันภัยรถยนต์มาตรฐาน ประเภทที่ 5(เดิมมี 4 ประเภท)โดยกรมการประกันภัย ซึ่งแบบกรมธรรม์มาตรฐานดังกล่าว สามารถใช้กับประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ และ ประเภท 2 พิเศษ(มีความคุ้มครองรวมถึงการสูญหาย+ไฟไหม้ ของรถยนต์คันเอาประกันภัย แต่ภายในวงเงินจำกัดเช่นกัน) ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้สามารถเลือกได้ตรงความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล