ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ
ความหมาย คือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 แบบปกติ แต่มีความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาประกันภัยเบ็ดเตล็ด แยกต่างหากออกจากสัญญาหลักที่ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายทรัพย์สินและชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองในความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันภัยในวงเงินจำนวนหนึ่ง

โดยมีเงื่อนไขความรับผิดชอบความเสียหายต่อทรัพย์สิน(รถยนต์คันทำประกันภัย)เมื่อ*****
1. เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก2. ในกรณีผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง

ดังนั้น จากเงื่อนไขดังกล่าว ดูเหมือนว่าประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ นั้น จะมีความคุ้มครองเหมือนกับการประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
แต่หากวิเคราะห์จริงๆ แล้ว มีความเหมือนที่แตกต่างในสาระสำคัญดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 พิเศษ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคลภายนอกเหมือนกับประเภท 3 ธรรมดา แต่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำกัดแต่มีวงเงินน้อยกว่าประเภท 1 คืออยู่ระหว่าง 100,000 - 150,000 บาท แต่มีเงื่อนไข(ตัวอักษรเล็กๆ)ว่า "รับผิดชอบต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถผู้เอาประกันชนกับยานพาหนะทางบก" เท่านั้น ดังนั้นหากรถยนต์คันเอาประกันภัยประเภท 3 พิเศษไปชนกำแพง ชนรั้ว ชนสุนัข ชนเสา ชนประตู ชนคน ฯลฯ ที่มิใช่ยานพาหนะทางบก รวมถึงกระจกหน้าถูกก้อนหินแตกร้าว จะไม่ได้รับความคุ้มครองตัวรถทั้งสิ้น ทั้งนี้การคว่ำ การสูญหาย การถูกไฟไหม้ ล้วนเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
2. นอกจากนี้ ในการชนยานพาหนะทางบกนั้น ผู้เอาประกัน(หมายความรวมถึงผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยให้ใช้รถด้วยด้วย)เป็นฝ่ายผิดแล้ว ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท/ครั้ง ด้วย ซึ่งหมายความว่าเบี้ยประกันภัยที่แท้จริงมิใช่ราคาที่เรียกเก็บ แต่เป็นราคาที่เรียกเก็บหักเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกจำนวน 2000 บาทไว้แล้ว ดังนั้นเบี้ยประกันที่แท้จริงจึงอยู่ที่ประมาณ 6,800 + 2,000 บาท รวมเป็น 8,800 บาท ใกล้เคียงกับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ที่บางคันมีเบี้ยประกันภัย 12,000 - 15,000 บาท แล้วมี ค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ก็จะคงเหลือ 10,000 - 13,000 บาท แต่ได้รับความคุ้มครองสูงกว่า

สรุป....การประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เหมาะสำหรับ
1. ผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายเงินจำนวนน้อยเพื่อการประกันภัยรถยนต์ แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากเดิม ใช้รถน้อย และมีความเสี่ยงในการเกิดการชนกับยานพาหนะทางบกเช่นรถยนต์หรือจักรยานยนต์ และไม่น่าจะสูญหายหรือไฟไหม้
2. รถยนต์ที่มีอายุเกิน 10 ปี และบริษัทประกันภัยมักไม่รับประกันภัยให้ แต่ต้องการความคุ้มครองเพื่อการเยียวยาความเสียหายอันอาจมีขึ้น
ความเห็นส่วนตัว เบี้ยประกันภัยดังกล่าวยังแพงเกินไปสำหรับความคุ้มครองที่มีเงื่อนไขการชนเฉพาะยานพาหนะทางบก และมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเป็นฝ่ายผิด

หมายเหตุ
1. บริษัทประกันภัยบางแห่งมีเงื่อนไขไม่เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท แต่เก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมบางส่วน เช่นเพิ่มเติมจาก 6,800 บาท เป็น 7,800 บาท เป็นต้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่คาดว่าจะเกิดเหตุการชนที่ตนเป็นฝ่ายผิดบ่อยๆ
2. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เป็นเหมือนประกันภัยประเภท 3 ทุกประการ แต่มีการทำประกันภัยเพิ่มเติมในความเสียหายตัวรถ อันเป็นการประกันภัยเบ็ดเตล็ดชนิดหนึ่ง และยังไม่ถือว่าเป็นแบบประกันภัยมาตรฐาน
3. เร็วๆ นี้ จะมีการประกาศใช้แบบประกันภัยรถยนต์มาตรฐาน ประเภทที่ 5(เดิมมี 4 ประเภท)โดยกรมการประกันภัย ซึ่งแบบกรมธรรม์มาตรฐานดังกล่าว สามารถใช้กับประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ และ ประเภท 2 พิเศษ(มีความคุ้มครองรวมถึงการสูญหาย+ไฟไหม้ ของรถยนต์คันเอาประกันภัย แต่ภายในวงเงินจำกัดเช่นกัน) ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้สามารถเลือกได้ตรงความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล

การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
หลักเกณฑ์การสิ้นผลบังคับของกรมธรรม์ประกันภัย
- เป็นไปตามวัน และเวลาที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งเวลาในการสิ้นสุดกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกกรมธรรม์ประกันภัย จะระบุเวลาไว้ที่ 16.30 น.

-ผู้เอาประกันภัย หรือตัวแทนของบริษัทประกันภัย ไม่ชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทประกันภัย ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มมีผลบังคับใช้

-มีการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย หรือจากบริษัทประกันภัย

วิธีการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย
การบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ มีวิธีการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย 2 วิธี คือ
1.บริษัทประกันภัยเป็นผู้บอกเลิก
- บริษัทประกันภัยจะต้องทำหนังสือบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย แจ้งให้ผู้เอาประกันภัย ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงผู้เอาประกันภัย
- บริษัทประกันภัยคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ตามระยะเวลาประกันภัยที่เหลือ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์ประกันภัยสิ้นผล บังคับ โดยจะต้องคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้เอาประกันภัยด้วย

2. ผู้เอาประกันภัยเป็นผู้บอกเลิก
กรณีมีการระบุวันที่ที่จะให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับใช้
ให้ใช้วันที่ตามที่ผู้เอาประกันภัยกำหนด โดยวันที่สิ้นผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันภัยจะต้องเป็นวันที่หลังจากบริษัทประกันภัยได้รับหนังสือแจ้งเรื่องแล้ว
กรณีไม่มีการระบุวันที่ที่จะให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับใช้
กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับในวันที่บริษัทประกันภัยได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกกรมธรรม์

โดยหลังจากบริษัทประกันภัยได้รับหนังสือการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทประกันภัยจะต้องคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ตามระยะเวลาประกันภัยที่เหลือ นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์สิ้นผลบังคับตามอัตราคืนเบี้ยประกันภัย โดยจะต้องคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้เอาประกันภัยด้วย

ค่าเสียหายส่วนแรก(ประกันภัยรถยนต์)

ค่าเสียหายส่วนแรก(ประกันภัยรถยนต์)
ความหมายของค่าเสียหายส่วนแรก

เป็นจำนวนเงินส่วนแรก ที่ผู้เอาประกันภัย ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อ ร่วมชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มี คู่กรณี หรือกระทำผิดสัญญาที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์

ประเภทของค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าเสียหายส่วนแรกจะแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้

1. ค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดจากการตกลงกับบริษัทประกันภัย
ค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดจากการตกลงทำสัญญากับบริษัทประกันภัย ซึ่งส่วนมากจะใช้กับรถยนต์ที่มีความเสี่ยงภัยสูง หรือผู้เอาประกันภัยมีประวัติการขับรถที่ดี และจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยตามจำนวนที่ระบุเป็นค่าเสียหายส่วนแรก

หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของการได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย
เมื่อผู้เอาประกันภัย ตกลงทำสัญญารับผิดชอบกับค่าเสียหายส่วนแรกตามที่บริษัทประกันภัยเสนอ ผู้เอาประกันภัย จะต้องได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย จากค่าเสียหายส่วนแรกสำหรับความเสียหายต่อรถยนต์คันที่ทำประกันภัย
- 5,000 บาทแรก จะลดเบี้ยประกันภัยให้ 100 % ของจำนวนเงินค่าเสียหายส่วนแรก
- ส่วนที่เกิน 5,000 บาท จะลดเบี้ยประกันภัยให้ 10 % ของจำนวนเงินความเสียหายส่วนแรก

2. ค่าเสียหายส่วนแรกที่เกิดจากการทำผิดสัญญาในกรมธรรม์

เป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่ต้องจ่ายเมื่อผู้เอาประกันภัยกระทำผิดตามสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ดังนี้
หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของการเรียกค่าเสียหายส่วนแรกที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย
1.ความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย
ความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย
ค่าเสียหายส่วนแรก
ความเสียหายอันเกิดจากการชน ในกรณีผู้เอาประกันภัย ไม่สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้
2,000 บาท
ความเสียหายที่เกิดจากการชน การคว่ำ ในขณะที่มีบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่บุคคลที่ระบุชื่อในกรมธรรม์เป็นผู้ขับขี่
6,000 บาท

2.ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
ค่าเสียหายส่วนแรก
ใช้รถยนต์ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ในตาราง เช่น“รถยนต์ใช้ส่วนบุคคล” แต่นำไปรับจ้างหรือให้เช่า
2,000 บาท
ความเสียหายที่เกิดจากการชน การคว่ำ ในขณะที่มีบุคคลอื่น ซึ่งมิใช่บุคคลที่ระบุชื่อในกรมธรรม์เป็นผู้ขับขี่

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ต่อคู่กรณี

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ต่อคู่กรณี
ความหมาย
เป็นความคุ้มครองที่บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย (บุคคลภายนอก) จากรถยนต์คันที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจไว้ แบ่งเป็น 2 ความคุ้มครอง
1. คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก
ความหมาย
เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและร่างกายของบุคคลที่ประสบภัยจากรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้ เช่น คนเดินข้ามถนน ผู้โดยสารรถยนต์คันที่ทำประกันภัย ผู้ขับขี่และผู้โดยสารของรถยนต์คู่กรณี เป็นต้น

ข้อยกเว้น บุคคลที่จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
- ผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ทำประกันภัย
- คู่สมรส(ตามกฎหมาย) บิดา มารดา บุตร(ตามความเป็นจริง) และลูกจ้างของผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ทำประกันภัย(ในทางการที่จ้าง)

จำนวนเงินที่จะได้รับจากความคุ้มครอง
ความคุ้มครองความเสียหายกับชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก จะชดใช้ให้เฉพาะจำนวนเงินค่าเสียหายในส่วนที่เกินจากจำนวนเงินคุ้มครองสูงสุดตามประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เช่น
- จำนวนเงินชดใช้ที่เกินจาก 50,000 บาท ในกรณีบาดเจ็บ
- จำนวนเงินชดใช้ที่เกินจาก 100,000 บาท ในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และทุพพลภาพถาวร

2. คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความหมาย เป็นการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้อื่น(บุคคลภายนอก) ที่ได้รับความเสียหายจากรถยนต์คันที่ทำประกันภัย โดยบริษัทผู้รับทำประกันภัยจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ทรัพย์สินที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง
(ก) ทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัย ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมาย คู่สมรส บิดา มารดา บุตรของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม หรือครอบครอง
(ข) เครื่องชั่ง สะพานรถ สะพานรถไฟ ถนน ทางวิ่ง ทางเดิน สนามหรือสิ่งหนึ่ง
สิ่งใดที่อยู่ใต้สิ่งดังกล่าว อันเกิดจากการสั่นสะเทือน หรือจากน้ำหนักรถยนต์ หรือน้ำหนักบรรทุก
ของรถยนต์
(ค) ทรัพย์สินที่บรรทุกอยู่ใน หรือกำลังยกขึ้น หรือกำลังยกลงจากรถยนต์

ข้อยกเว้นไม่คุ้มครองบุคคลภายนอกตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย

ข้อยกเว้นทั่วไป
1. ความเสียหายที่เกิดจากสงคราม การถูกรุกราน การสู้รบ หรือการปฏิบัติที่มีลักษณะคล้ายสงคราม
2. ความเสียหายที่เกิดจากสงครามกลางเมือง การก่อกบฏ การปฏิวัติ การต่อต้านรัฐบาล การยึดอำนาจการปกครองโดยกำลังทหาร หรือการประท้วงของประชาชน
3. ความเสียหายที่เกิดจากอาวุธปรมาณู
4. ความเสียหายที่เกิดจากการแตกตัวของประจุ การแผ่รังสี การกระทบกับกัมมันตภาพรังสี จากเชื้อเพลิงปรมาณู หรือการแตกตัวของปรมาณู ซึ่งดำเนินติดต่อกันไปด้วยตัวของมันเอง

ข้อยกเว้นเฉพาะ
1. การนำรถที่มีประกันภัยไปใช้นอกราชอาณาจักร หรือนอกอาณาเขตประเทศไทย
2. การนำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือขนยาเสพติด และทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
3. การนำรถยนต์ไปใช้ในการแข่งขันความเร็ว แต่จะไม่รวมในกรณีที่นำรถยนต์ไปใช้ในการแข่งขันแรลลี่ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่ใช้ความเร็ว
4. การนำรถยนต์ไปใช้ในการลาก, จูง หรือผลักรถยนต์คันอื่นที่เสีย แล้วทำให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่น แต่จะยกเว้นให้ในกรณีที่รถยนต์ที่ถูกลากจูงเป็นรถยนต์ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทเดียวกัน หรือเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลากจูงโดยเฉพาะ หรือเป็นรถยนต์ที่มีระบบห้ามล้อเชื่อมโยงถึงกัน
5. การตกลงทำสัญญารับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกเอง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาประกันภัย
6. ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก โดยที่ผู้ขับขี่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดได้ตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

ข้อสัญญาพิเศษ :
ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นกับ บุคคลภายนอก ตามเหตุการณ์ที่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น บริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินชดใช้ให้กับบุคคลภายนอกไปก่อน แล้วจึงไปเรียกเก็บกับผู้ที่ขับขี่รถยนต์คันที่ทำประกันภัย โดยผู้เอาประกันภัย จะต้องคืนเงินให้กับบริษัทประกันภัยภายใน 7 วัน หลังจากได้หนังสือแจ้งจากบริษัท

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ(ต่อรถคันเอาประกัน)

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ(ต่อรถคันเอาประกัน)
ความคุ้มครองผู้โดยสารรถคันเอาประกันภัย
ในส่วนของความรับผิดต่อ ชีวิต ร่างกายและอนามัยนั้น ผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัยถือเป็นบุคคลภายนอก ดังนั้น การเรียกร้องและการคุ้มครองจะเป็นไปตาม ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ(ต่อบุคคลภายนอก)

ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์
เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ของรถยนต์คันที่ทำประกันภัย แบ่งเป็น
- ความเสียหายที่เกิดจากการเฉี่ยว, ชน และการคว่ำ
- ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก เช่น ถูกขีดข่วน
- ความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม

ความคุ้มครองตามสัญญาแนบท้าย
เป็นการเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก ความคุ้มครองหลักตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งสามารถเลือกซื้อได้ 3 แบบ ดังนี้
1. การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
ความหมาย เป็นความคุ้มครองเพิ่มเติมที่ผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อความคุ้มครองผู้ขับขี่และ/หรือผู้โดยสารซึ่งอยู่ในรถหรือกำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้นหรือกำลังลงจากรถยนต์คันเอาประกันภัย ทำให้ได้รับความเสียหายจนทำให้เสียชีวิต, สูญเสียมือ เท้า สายตา ทุพพลภาพชั่วคราว หรือทุพพลภาพถาวร ไม่คำนึงว่าความเสียหายที่ผู้ได้รับความคุ้มครองได้รับจะเป็นความรับผิดของผู้ใด แม้รถยนต์ไม่เกิดอุบัติเหตุเพียงแต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก็ได้รับความคุ้มครองแล้ว
บุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง
- ตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ทำประกันภัย
- ผู้โดยสารที่อยู่ในรถ หรือผู้โดยสารที่กำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์
เงื่อนไขการชดใช้ค่าเสียหาย
บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา และไม่สนใจว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ซึ่งเงินค่าเสียหายในส่วนนี้จะแยกต่างหากจากเงินค่าสินไหมทดแทนของกรมธรรม์ประกันภัยหลัก
ข้อยกเว้นความคุ้มครองของการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำผิดอาชญากรรม เช่น การใช้รถยนต์คันที่ทำประกันภัยไปปล้นทรัพย์ เฉพาะตัวผู้ก่ออาชญากรรมเท่านั้น
- ความเสียหายที่เกิดจากสงคราม การสู้รบ การก่อกบฏ การประท้วง เป็นต้น

2.การประกันภัยค่ารักษาพยาบาล
ความหมาย การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุจากรถยนต์ โดยบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามที่ได้จ่ายไปจริง แก่บุคคลซึ่งได้รับความบาดเจ็บทางร่างกาย เนื่องจากอุบัติเหตุในขณะอยู่ใน หรือกำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถยนต์ โดยไม่คำนึงว่าความบาดเจ็บที่ได้รับ จะเป็นผลมาจากการกระทำโดยประมาทของผู้ใด
บุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง
- ตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ทำประกันภัย
- ผู้โดยสารที่อยู่ในรถ หรือผู้โดยสารที่กำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์
เงื่อนไขการชดใช้ค่าเสียหาย
- บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้ตั้งแต่ 1 บาทแรกของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการรักษาพยาบาล โดยจำนวนเงินที่ใช้ในการรักษาพยาบาลต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ทำประกันภัยไว้
ข้อยกเว้นความคุ้มครองของการประกันภัยค่ารักษาพยาบาล
- ความเสียหายที่เกิดจากสงคราม การสู้รบ การก่อกบฏ การประท้วง เป็นต้น

3. การประกันตัวผู้ขับขี่
ความหมาย การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองในการประกันตัวผู้เอาประกันภัย ที่นำรถยนต์ไปใช้แล้วถูกจับในคดีอาญา และทำให้ถูกดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน, พนักงานอัยการ, หรือในชั้นศาลฎีกา
บุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง
- ตัวผู้ขับขี่รถยนต์ หรือผู้เอาประกันภัย
เงื่อนไขความคุ้มครอง
บริษัทประกันภัยจะต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้เอาประกันภัย ตามจำนวนเงินที่พนักงานสอบสวน, พนักงานอัยการ, หรือศาลกำหนด แต่จะไม่เกินวงเงินสูงสุดที่ได้ทำประกันภัยไว้

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจแต่ละประเภท

ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจแต่ละประเภท
การทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจสามารถเลือกทำได้ 4 ประเภท คือ
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 (ประกันภัยชั้น 1)
2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2 (ประกันภัยชั้น 2)
3. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 (ประกันภัยชั้น 3)
4. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 4 (ประกันภัยชั้น 4)

รายละเอียด

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 (ประกันภัยชั้น 1)
คุ้มครอง : ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + สูญหาย + ไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 หรือ กรมธรรม์คุ้มครองรวม (Comprehensive Cover) มีรายละเอียดการให้ความคุ้มครอง ดังนี้
- ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต และร่างกายของผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือของคู่กรณี โดยในกรณีเสียชีวิต บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อคน
- ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหาย เช่น รถยนต์ของคู่กรณี
- ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายของตัวรถยนต์คันที่ทำประกันภัย รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งหรือสิ่งที่ติดกับตัวรถยนต์
- ให้ความคุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย และกรณีตัวรถยนต์ถูกไฟไหม้ โดยรวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งหรือสิ่งที่ติดกับตัวรถยนต์

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2 (ประกันภัยชั้น 2)
คุ้มครอง : ซ่อมเขา + ไม่ซ่อมเรา + สูญหาย + ไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2 หรือกรมธรรม์ประเภทคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก คุ้มครองรถยนต์สูญหาย และไฟไหม้ (Third Party Liability, Fire and Theft) มีรายละเอียดการให้ความคุ้มครอง ดังนี้
- ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต และร่างกายของผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือของคู่กรณี โดยในกรณีเสียชีวิตบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อคน
- ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหาย เช่น รถยนต์ของคู่กรณี
- ให้ความคุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย และกรณีตัวรถยนต์ถูกไฟไหม้ โดยรวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งหรือสิ่งที่ติดกับตัวรถยนต์
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 (ประกันภัยชั้น 3)
คุ้มครอง : ซ่อมเขา + ไม่ซ่อมเรา ไม่รวมสูญหายไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 หรือกรมธรรม์ประเภทคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก (Third Party Liability) มีรายละเอียดการให้ความคุ้มครอง ดังนี้
- ให้ความคุ้มครองต่อชีวิต และร่างกายของบุคคลภายนอก หรือของคู่กรณี โดยในกรณีเสียชีวิตบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าเสียหายให้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อคน
- ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหาย เช่น รถยนต์ของคู่กรณี
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 มีความคุ้มครองพิเศษ
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ เป็นประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 ที่มีกรมธรรม์ประกันภัยเบ็ดเตล็ดเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดการให้ความคุ้มครอง ดังนี้
- เป็นกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 ที่เพิ่มคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนความคุ้มครองในการซ่อมรถคันเอาประกันด้วยในวงเงินสูงสุด 100,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองในกรณีที่เป็นการเกิดอุบัติเหตุโดยมีคู่กรณีเท่านั้น ไม่ว่าผู้เอาประกันจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม
- ในกรณีที่เป็นฝ่ายผิดจะต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) 2,000 บาท
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 4 (ประกันภัยชั้น 4)
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 4 หรือกรมธรรม์ประเภทคุ้มครองต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (Third Party Properties Liability) ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์ของคู่กรณี โดยบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท ต่ออุบัติเหตุในแต่ละครั้ง

ประเภทประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

ประเภทประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
การทำประกันภัยรถยนต์มี 2 ประเภทคือ
1. การประกันภัยประเภทไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่
เป็นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่ไม่มีการระบุชื่อผู้ขับรถยนต์คันที่ทำประกันภัย ในตารางกรมธรรม์
บุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง
- ตัวผู้เอาประกันภัย
- บุคคลอื่นที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยให้ใช้รถยนต์คันที่ทำประกันภัย

ประเภทรถยนต์ที่สามารถทำได้
รถยนต์ทุกประเภทสามารถทำประกันภัยประเภทไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ โดยจะรวม
- รถยนต์ที่ใช้รับจ้างสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่
- รถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ เช่น รถรับส่งสินค้า
- รถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์พิเศษ เช่น รถน้ำมัน, รถขนแก๊ส
2. การประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่
เป็นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่มีการระบุชื่อผู้ขับรถยนต์คันที่ทำประกันภัย ในตารางกรมธรรม์ โดยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ในตารางกรมธรรม์ได้ไม่เกิน 2 คน แต่จะระบุคนเดียวก็ได้
รถยนต์ที่สามารถทำประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ได้มี 3 ประเภท คือ
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
- รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล


บุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง
- คุ้มครองความเสียหายขณะที่ผู้ขับขี่ที่ระบุชื่ออยู่ในกรมธรรม์เป็นผู้ขับขี่ แต่หากขณะเกิดเหตุนั้น รถยนต์คันที่ทำกรมธรรม์แบบรถบุชื่อขับขี่โดยบุคคลที่ไม่ได้ถูกระบุชื่อในกรมธรรม์ยังได้รับความคุ้มครองในเงื่อนไขดังนี้
กรณีเป็นฝ่ายถูก = ไม่เสียค่าเสียหายส่วนแรก กรณีเป็นฝ่ายผิด = เสียค่าเสียหายส่วนแรก
สำหรับรถคันที่ทำประกัน 6,000 บาท
สำหรับคู่กรณี 2,000 บาท
ข้อแตกต่างระหว่างการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ

ความคุ้มครอง
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ จะให้ความคุ้มครองเฉพาะในความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคล แต่การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจะให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและอนามัยของบุคคลและความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เอาประกันภัยและของบุคคลภายนอก
อัตราเบี้ยประกัน
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับมีอัตราเบี้ยประกันภัยที่แน่นอน แต่การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจอัตราเบี้ยประกันจะไม่แน่นอน โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น กรมธรรม์ประกันภัยที่เลือกซื้อ วงเงินเอาประกันภัย ประวัติการใช้รถยนต์ ประเภทการใช้รถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ อัตราเบี้ยประกันภัยจะอยู่ในช่วงอัตราต่ำสุดและสูงสุดตามที่นายทะเบียนกำหนด
ทุนประกันหรือวงเงินคุ้มครอง
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับจะกำหนดวงเงินคุ้มครองที่แน่นอน แต่ภาคสมัครใจจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่สัญญา และอัตราเบี้ยประกันที่แปรผันตามความคุ้มครองและคุณภาพการให้บริการ
ใบอนุญาตขับขี่
- การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับให้ความคุ้มครอง ไม่ว่าผู้ขับขี่จะมีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่
- แต่ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ยังให้ความคุ้มครองแก่บุคคลภายนอกไม่ว่าผู้ขับขี่จะมีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ แต่ความเสียหายต่อรถยนต์จะไม่ได้รับความความคุ้มครอง หากผู้ขับขี่ในขณะเกิดเหตุไม่มีใบอนุญาตขับขี่
 

ค้นหาบล็อกนี้

ผู้ติดตาม

Copyright © 2009 Xpress Center All rights reserved.
Converted To Blogger Template by Anshul Theme By- WooThemes